OPEN YOUR HOUSE AND YOUR HEART FOR NATURAL VENTILATION
ถึงไทยเราเป็นเมืองร้อน แต่ก็ไม่ได้ร้อนแทบแย่จนต้องเปิดแอร์ทุกฤดูกาล ถ้าอยู่ในอาคารที่ออกแบบได้เหมาะสมกับสภาพดินฟ้าอากาศ ในฤดูที่อุณหภูมิภายนอกไม่สูงมาก ก็สามารถเปิดบ้านรับลมธรรมชาติได้อย่างสบาย การเปิดประตูหน้าต่างและช่องเปิดอื่นๆ เพื่อรับลมนั้น มีประโยชน์คือเราจะได้การระบายอากาศที่ดี บ้านที่มีลมพัดเข้าและออกไปอย่างสมดุลกันช่วยให้เรารู้สึกเย็นสบายขึ้น เปรียบเสมือนบ้านที่หายใจได้ สามารถช่วยลดความชื้น และลดอุณหภูมิของอากาศภายในบ้านได้ดี แต่การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์จากเปิดแอร์ทั้งวันทั้งคืนมาสู่การเปิดบ้านรับลมธรรมชาติ ก็มีข้อพิจารณาที่ควรทราบดังนี้
ตำแหน่งและทิศทางของช่องเปิดที่เหมาะสม
ลมที่พัดเข้ามาในบ้านของคุณจะทำให้เกิดภาวะน่าสบาย ช่องเปิดในแนวทิศเหนือและทิศใต้ จะทำให้คุณได้รับประโยชน์จากกระแสลมที่พัดมาตามฤดูกาลทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงฤดูหนาว และจากตะวันตกเฉียงใต้ในช่วงฤดูฝน เลี่ยงการเปิดช่องเปิดในทิศตะวันตกช่วงบ่ายที่อาจจะนำเอาความร้อนจากภายนอกเข้ามาในบ้าน นอกจากนี้ คุณต้องตรวจสอบให้มั่นใจว่า ทิศที่เปิดรับลมเข้าบ้าน ไม่มีจุดกำเนิดกลิ่นเหม็นรบกวน เช่น ที่ทิ้งขยะของหมู่บ้าน บ่อบำบัดน้ำเสีย โรงงาน ห้องครัวหรือกรงเลี้ยงสัตว์ของเพื่อนบ้าน เพราะลมจะพัดเอากลิ่นไม่พึงประสงค์เข้ามา ทำให้รู้สึกแย่ และอาจนำโรคภัยไข้เจ็บที่พัดมากับลมสกปรกนั้นด้วย
เปิดทางให้ลมเย็นเข้าด้านล่างและระบายลมร้อนออกด้านบน
โดยธรรมชาติ อากาศร้อนจะลอยตัวขึ้นด้านบนและอากาศที่เย็นกว่าจะอยู่ด้านล่าง สำหรับบ้านสองชั้นที่มีห้องนอนอยู่ชั้นบน ถ้าในช่วงกลางวันคุณใช้เวลาอยู่ชั้นล่างของบ้าน มากกว่าในห้องนอนชั้นบน ก็สามารถเปิดประตูหน้าต่างชั้นล่างเพื่อให้ลมเข้า และเปิดหน้าต่างชั้นบนเพื่อให้เป็นทางออกของลมร้อนได้ ทำให้ภายในบ้านชั้นล่างตอนกลางวันเย็นสบาย ปลอดโปร่งด้วยการระบายอากาศที่ดี และเมื่อถึงเวลากลางคืนก็ไม่ต้องกลัวว่าห้องนอนชั้นบนที่ลมร้อนพัดผ่านจะเป็นจุดสะสมความร้อน เพราะในเวลาค่ำที่อากาศภายนอกเย็นลง ความร้อนภายในก็จะระบายถ่ายเทออกสู่ภายนอกเองตามธรรมชาติ แต่มีข้อแนะนำสำหรับสาวๆที่ชอบเก็บเครื่องสำอางหรือของที่ไม่ทนความร้อนเอาไว้ในห้องนอน ว่าควรจะเก็บไว้ในที่เย็นหรือระบายอากาศได้ดี เพราะอุณหภูมิของบ้านชั้นบนที่มักจะร้อนกว่าชั้นล่างโดยธรรมชาติในเวลากลางวันที่คุณไม่ได้เปิดแอร์ อาจทำให้เครื่องสำอางของคุณเสียหายได้
การป้องกันมลภาวะและเสียงรบกวน
การเปิดบ้านรับลม ถ้าระยะห่างของช่องเปิดไม่มากพอที่คุณจะพ้นจากสิ่งรบกวนภายนอก อาจทำให้คุณได้ของแถมเป็นมลพิษ กลิ่น ควัน และเสียงรบกวน หากทำได้จึงควรเลี่ยงการเปิดประตูหน้าต่างในทิศที่หันออกสู่ถนนสาธารณะ แต่ถ้าคุณมีพื้นที่บ้านมากพอ และไม่มีช่องเปิดที่ดีกว่าในด้านอื่น สามารถแก้ปัญหาได้ง่ายๆ โดยปลูกไม้พุ่มขนาดกลางหรือไม้พุ่มสูง เพื่อทำหน้าที่เป็นกำแพงกั้น-กรองมลภาวะ โดยเลือกพันธุ์ไม้ที่ไม่หนาทึบจนเกินไป เพื่อให้ลมยังผ่านเข้าออกในบ้านได้
ปัญหาฝุ่นละอองและความชื้น
เครื่องเรือนที่ถูกเลือกซื้อหรือออกแบบมาสำหรับห้องที่ปิดทึบ เปิดแอร์ทั้งวัน อาจเลอะเทอะเสียหาย หรือมีสภาพทรุดโทรมได้ง่ายเมื่อคุณเปิดบ้านรับอากาศธรรมชาติ ซึ่งมีระดับอุณหภูมิและความชื้นไม่คงที่ เมื่ออากาศโดยธรรมชาติของบ้านเรามีความชื้นสูงกว่าห้องแอร์ ซึ่งมีเครื่องปรับอากาศมาทำให้ตัวเราเย็นด้วยการดูดความชื้นออกไป คุณจึงควรเลือกเครื่องเรือนและสิ่งประดับตกแต่งบ้าน ที่ตอบโจทย์ในการรับมือสภาพอากาศธรรมชาติได้อย่างเหมาะสม สามารถเช็ดล้างดูแลทำความสะอาดได้ง่าย ไม่มีผิวสัมผัสที่เป็นรูพรุนหรือเป็นรูปแบบที่มีซอกมุมอับเป็นที่สะสมของฝุ่น ความชื้น ที่จะนำปัญหาเชื้อราตามมา เลี่ยงการตกแต่งผนังด้วยวอลเปเปอร์ การปูพรม การใช้ผ้าม่าน หมอนอิง หรือผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ แบบที่ถอดซักลำบาก และถ้าจะเลือกใช้มู่ลี่หรือบานเกล็ด แนะนำว่า มู่ลี่บานเกล็ดแนวตั้งจะมีปัญหาฝุ่นน้อยกว่าแนวนอน
ปัญหาแมลงและสัตว์รบกวน
เป็นสิ่งหนึ่งที่เลี่ยงได้ยากหากคุณตั้งใจอยู่ร่วมกับธรรมชาติ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องปล่อยให้เป็นปัญหากวนใจ หาสารป้องกันแมลงที่เป็นสารชีวภาพวางหรือฉีดพ่นป้องกันตามจุดต่างๆ ปลูกพืชที่มีสรรพคุณในการป้องกันแมลงและสัตว์รบกวน เช่น ปลูกตะไคร้หอมเพื่อกันยุง ทั้งนี้ในการจัดสวน ควรปลูกต้นไม้ให้มีระยะห่างจากช่องเปิด เพื่อไม่ให้สัตว์ต่างๆที่อาศัยอยู่กับต้นไม้คืบคลานเข้ามาในบ้าน ในบางจุดที่จำเป็นและไม่ต้องห่วงเรื่องความสวยงามอย่างในครัว หรือหลังบ้าน อาจใช้การติดตั้งมุ้งลวดมาช่วยกันแมลง แต่ถ้าติดมุ้งลวด ก็ต้องทำใจว่า ลมอาจจะผ่านไม่ได้ดีเท่าช่องหน้าต่างที่โปร่งโล่ง ก็ต้องชั่งน้ำหนักดูเอง…เลือกเอาที่สบายใจ
หากคุณพิจารณาข้อมูลที่จำเป็นต่างๆเหล่านี้ครบถ้วนแล้ว และมีคำตอบกับตัวเองว่า บ้านของคุณมีคุณสมบัติพร้อมที่จะเปิดรับลมธรรมชาติได้ ก็เตรียมรับมือกับความสบายแบบปลอดโปร่ง บิลค่าไฟที่จะลดลง และรอยยิ้มที่จะเพิ่มมากขึ้นได้เลย
Natural ventilation is the process of supplying air to and removing air from an indoor space without using mechanical systems. It refers to the flow of external air to an indoor space as a result of pressure differences arising from natural forces.Since the internal heat gains which create temperature differences between the interior and exterior are created by natural processes, including the heat from people, and wind effects are variable, naturally ventilated buildings are sometimes called breathing buildings.The main factors for good natural ventilation include; building orientation, building form and dimension, interior design, openings, location, landscape design and construction methods and detailing.