Monotone Decoration

bedroom

แต่งบ้านแบบโมโนโทน

สิ่งที่มักเกิดกับบ้านเมื่ออยู่อาศัยไปนานๆคือความรก ซึ่งอาจไม่ได้เกิดจากการมีของเยอะ หรือไม่เป็นระเบียบ แต่มาจากความไม่ลงตัวบางอย่างที่เห็นแล้วรำคาญตา หงุดหงิด แต่คนที่ไม่ใช่นักออกแบบก็อาจบอกไม่ถูกว่ามันมีอะไรผิดตรงไหน ต้องแก้ยังไง หนักๆเข้าก็นึกอยากจะรื้อบ้านทิ้ง แต่งบ้านใหม่ให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็นั่นแหละนะ ในเศรษฐกิจแบบนี้ การโปรยเงินเป็นฟ่อนๆ ไปกับการแต่งบ้านใหม่ ต้องทุบ มารื้อ นอกจากจะเสียเงิน เสียเวลา ถ้ายังไม่รู้จริงๆว่าสาเหตุของความรกรำคาญตาคืออะไร การหาคำตอบก็จะเลื่อนลอย แก้ไม่ถูกจุด บ้านก็ยังไม่ดีขึ้น จะยิ่งเสียอารมณ์หนักเข้าไปอีก

bathroom

หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้บ้านของเราดูรกทั้งที่เราก็ไม่ได้วางของรก มาจากการใช้องค์ประกอบในการตกแต่งที่ดูแล้วไม่ค่อยเข้ากัน โดยปัญหาส่วนใหญ่มาจากความไม่เข้ากันของสีสัน ทำให้บรรยากาศออกมาดูขาดๆเกินๆ ไม่ลงตัว เพราะสีเป็นสิ่งแรกที่เราสัมผัสได้ด้วยตาทั้งในระยะใกล้และใกล้

interior

วิธีจัดการกับความไม่ลงตัวที่เกิดจากสีอาจไม่จำเป็นต้องลงทุนทุบรื้อ แต่งบ้านใหม่ แต่เริ่มจากการพินิจพิจารณาภาพรวมและรายละเอียดของส่วนต่างๆในห้องที่มีปัญหา หรือแต่ละส่วนในบ้านของเราอย่างตั้งใจว่า โทนสีของการตกแต่งในแต่ละห้องนั้นมีความเข้ากันได้อย่างลงตัวสวยงามดีหรือไม่ และทางออกที่ง่ายที่สุดในการแก้ปัญหา ก็คือการใช้เทคนิคการตกแต่งด้วยการควบคุมอุณหภูมิสีให้มีกลมกลืนกันเรียกว่า Monotone

vestibule

 

คำว่า Monotone ไม่ได้แปลว่า เราจะต้องใช้สีเพียงสีเดียวในการตกแต่ง (การใช้สีเดียวในการตกแต่งนั้นก็เป็นเทคนิคอย่างหนึ่งเหมือนกัน เขาเรียกว่า Monochrome ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของ Monotone ด้วย) เพราะคำว่า Tone หมายถึง อุณหภูมิของสี ไม่ใช่ชนิดของสี การใช้สี Monotone จึงหมายถึงเราเลือกกลุ่มสีที่มีอุณหภูมิไปในทิศทางเดียวกันมาจัดเข้าด้วยกัน โดยโทนของสี จะแบ่งออกเป็น โทนร้อน กับ โทนเย็น กลุ่มสีโทนร้อน ได้แก่ เหลือง, ส้มเหลือง, ส้ม, ส้มแดง, แดง และม่วงแดง ส่วนกลุ่มสีโทนเย็น ได้แก่ สีม่วง, ม่วงน้ำเงิน, น้ำเงิน, เขียวน้ำเงิน, เขียวและเขียวเหลือง

หลักการขั้นพื้นฐานของเทคนิคใช้สีแบบโมโนโทนนี้ คือต้องเข้าใจว่า เมื่อเราเลือกแล้วว่า จะเอาโทนแบบไหน ก็ต้องคุมโทนด้วยการใช้สีในโทนเดียวกันนั้นไปจนตลอดรอดฝั่ง จะเลือกร้อนก็ร้อนไปเลย จะเลือกเย็นก็เย็นไปเลย จะมาผสมครึ่งๆกลางๆ ไม่ได้ จะดูไร้รสนิยม ทำให้รู้สึกว่าห้องรกหนักเข้าไปอีก กลายเป็นบรรยากาศร้อนๆหนาวๆ ซึ่งคงไม่น่าพิสมัยนัก

เมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกสีโทนร้อนหรือโทนเย็น ก็ไม่ได้แปลว่า เราจะต้องจับเอาทุกสีที่มีอยู่ในโทนนั้นมาใช้ร่วมกันทั้งหมด เทคนิคก็คือ เราต้องมีสีหลักเอาไว้คุมโทนในพื้นที่ใหญ่ก่อน เช่น ถ้าเราเลือกสีโทนร้อนที่จะทำให้บรรยากาศของห้องดูอบอุ่น เช่น สีส้มหรือสีเหลืองอมแดง ก็ควรเลือกสีขององค์ประกอบอื่นๆให้อยู่ในกลุ่มสีร้อนเหมือนกัน แต่ทั้งนี้ การใช้สีขั้นที่หนึ่งหรือสีขั้นที่สองอย่างสีแดง เหลือง หรือส้มแปร๋นๆ มาทาสีห้อง ก็อาจจะฉูดฉาดมากทำให้บรรยากาศร้อนรุ่มเกินไป การใช้สีคุมโทนในพื้นที่ใหญ่จึงอาจเป็นการใช้แบบผสมสีขาว ให้ออกมาเป็นผนังห้องสีเหลืองนวลๆ สีส้มที่ดูอบอุ่น หรือสีแดงผสมขาวเป็นสีชมพูสวยสบายตา และในทางกลับกัน หากอยากได้บรรยากาศขรึมๆ ที่เกิดจากการใช้สีโทนร้อน ก็ทำได้โดยการผสมสีดำลงไปในสีที่เราเลือกใช้กับพื้นที่ส่วนใหญ่ จะทำให้สีสดร้อนแปร๋นๆนั้นมีความเข้มขรึมขึ้น ซึ่งหลักการที่ลดความแปร๋นหรือความเข้มของสีนี้ จะนิยมใช้กับพื้นที่ส่วนใหญ่ของห้อง แต่ถ้าเป็นส่วนประกอบแยกย่อยที่มีพื้นที่เล็กหรือขนาดไม่ใหญ่มาก เราก็เล่นกับสีโทนเดียวกันที่เข้มและมีน้ำหนักสีจัดๆเพื่อสร้างความน่าสนใจได้

ดังที่บอกมาข้างต้นแล้วว่า การตกแต่งด้วยสีแบบโมโนโทนไม่ได้หมายถึงการใช้สีเพียงสีเดียวมาลดความอ่อนแก่ แต่เป็นการใช้สีต่างกัน ที่มีอุณหภูมิเดียวกันมาใช้ร่วมกัน ดังนั้น วิธีที่จะคุมโทนให้อยู่หมัด และสวยหรูดูแพงก็คือ ต้องกำหนดสัดส่วนของสีที่เลือกใช้ให้ลงตัว โดยมีเทคนิคที่ใช้ได้เสมอไม่มีพลาดก็คือ 80/20 หรือ 70/30 หมายถึง เราต้องเลือกสีที่เป็นหลัก สำหรับพื้นที่ใหญ่ ให้มีสัดส่วนประมาณ 70-80% ของพื้นที่ และสีที่มาประกอบ จะเป็นสีใดก็ได้ในกลุ่มโทนเดียวกัน 20-30% ของพื้นที่ หรือจะน้อยกว่านั้นก็ยังได้ ถ้าไม่กลัวว่า สัดส่วนของคู่สีที่ใช้น้อยจะเรียบกลืนกันมากเกินไป

นอกจากนี้ ถ้าคุณไม่ชอบให้บรรยากาศในห้องมีหลากสีสันลายตา ซึ่งเป็นสาเหตุต้นๆของความรู้สึกรก การเลือกตกแต่งด้วยสีเดียวที่เรียกว่า Monochrome ก็เป็นวิธีการหนึ่งภายใต้หลักการของเทคนิค Monotone เพราะการใช้สีเดียวแต่คุมให้อ่อนแก่ต่างกัน ก็ย่อมมีโทนเดียวกันโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว จึงไม่ต้องห่วงว่า จะออกมาแล้วดูไม่เข้ากัน เช่น ถ้าคุณชอบห้องสีขาว ก็สามารถทำให้ดูมีมิติได้ด้วยเทคนิคการผสมให้เกิดความหลากหลาย และมีมิติ เช่น ขาวสว่าง ขาวอมเทา และค่อยๆไล่ไปสู่สีที่เข้มขึ้นแต่ยังเป็นโทนเดิม ก็จะดูหรูเท่ไม่เบา

ความสนุกของการตกแต่งในแบบ Monotone ยังทำได้ด้วยการเล่นกับวัสดุที่มีสีโทนเดียวกัน แต่มีผิวสัมผัสต่างกัน เช่น ผนังห้องทาสีเขียวอ่อน ติดม่านสีเขียวเข้มที่เป็นผ้าไหมหรือผ้าซาตินเนื้อมันวาว ใช้แจกันหยกสีเขียวประดับโต๊ะ และใช้ต้นไม้ใบไม้ที่มีสีเขียวหลายเฉดมาตกแต่งตามมุมต่างๆ เรื่อยไปจนถึงการหาสิ่งของเครื่องใช้ เช่น ผ้าปูโต๊ะ หมอนอิง ผ้าบุโซฟาถ้วยโถโอชามที่มีโทนสีเข้ากันมาประกอบ ทำให้บ้านดูเรียบหรู ต่อให้มีของมากมายหลายชิ้น ต่างวัสดุ ต่างดีไซน์ แต่เมื่อถูกคัดสรรมาให้มีความเข้ากันได้ด้วยสีที่เข้ากัน มองแล้วก็จะเห็นเป็นโทนเดียวกันได้อย่างสวยงาม

ถ้ากลัวว่า ห้องจะน่าเบื่อเพราะมีโทนเดียว เคล็ดไม่ลับก็คือ เราสามารถเติมองค์ประกอบที่สร้างความสดใสโดดเด่นลงไปได้ในพื้นที่เล็กๆ เช่น การใช้สีของดอกไม้สดๆในแจกัน ริ้วสีโทนตรงกันข้ามในลวดลายเล็กๆของส่วนตกแต่ง เช่น ในห้องโทนสีเขียว อาจมีริ้วหรือดอกแดงจิ๋วๆ บนลายของพรม หรือลายปักบนหมอนอิง ที่มีสัดส่วนน้อยนิด แต่เพิ่มความสวยงามโดดเด่นได้อย่างมีเหมาะเจาะ

รู้อย่างนี้แล้วก็อย่ารอช้า รีบหาไอเดียสำหรับโทนสีใหม่ของบ้านที่สวยงามลงตัว แล้วลงมือปรุงโฉมบ้านของเราให้ไฉไลน่าอยู่กันดีกว่า

Monochromatic room decoration may be an easy way to create a perfect fit. However, home decoration by one color with different values or intensities can be boring, while multicolor solution can be hard to make it classy. Monotonic-color decoration style is simply the best and easy way to mix and match your decorative items with different colors but in the same tone together with style.

LivingDD Editor

เว็บไซต์ LivingDD.com เป็นสื่อในเครือ HI-CLASS Media Group นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับบ้าน สวน ไลฟ์สไตล์ การตกแต่ง การออกแบบ มีเป้าหมายเป็นกลุ่มคนรักบ้าน นักออกแบบ ช่างฝีมือสาขาต่างๆ ที่มีความสนใจและติดตามหาข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการออกแบบ ตกแต่ง ปรับปรุงบ้าน จัดสวน ไลฟ์สไตล์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับบ้าน ข่าวสารและบทสัมภาษณ์บุคคลในแวดวงการออกแบบ - Editor@HiclassSociety.com

You may also like...