Alpaca
ผู้เขียนมีโอกาสได้ไปเที่ยวต่างจังหวัด ได้แวะฟาร์มอัลปากา หลังจากชมความน่ารักของมันผ่านคลิปในโซเชียลมีเดีย ก็เลยอยากเห็นตัวจริงว่าเจ้าสัตว์คอยาวขนนุ่มจะน่ากอดน่าฟัดแค่ไหน ซึ่งก็ไม่ผิดหวังจริงๆ เพราะน้องน่ารักมากจนอยากพากลับบ้านเลย ส่วนใครที่ยังไม่รู้จักสัตว์ตัวนี้ ลองมาทำความรู้จักไปพร้อมๆ กัน
‘อัลปากา’ (Alpaca) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อยู่ในตระกูลเดียวกับอูฐ (Camelidae) มีชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Vicugna pacos พบได้มากในบริเวณที่สูงแทบเทือกเขาแอนดีส ทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งได้แก่ ประเทศเปรู, โบลิเวีย, เอกวาดอร์ และชิลี มีลักษณะคล้ายลามะ ต่างกันตรงที่ ลามะจะเลี้ยงไว้เพื่อใช้ขนของ แต่อัลปากาจะเลี้ยงไว้เพื่อใช้ประโยชน์จากขน สำหรับทำเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม เพราะขนของอัลปากามีความหนา ทนทาน และมีความนุ่มเป็นอันดับต้นๆ ของขนสัตว์โลกทั้งหลายเลยก็ว่าได้ คนจึงนิยมเลี้ยงอัลปากากันมากขึ้น ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วอัลปากาจะมีช่วงอายุอยู่ระหว่าง 15 – 20 ปี สามารถตัดขนได้ตลอดช่วงอายุเป็นประจำทุกปี ช่วงฤดูร้อนเดือนกุมภาพันธุ์ถึงเดือนมิถุนายน เพื่อให้ขนอัลปากาสามารถยาวทันในช่วงฤดูหนาว การเลี้ยงอัลปากาเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว แต่หากใครจะมีไว้เป็นสัตว์เลี้ยงนั้น การได้กอดเจ้าอัลปากาขนนุ่มๆ ทุกวัน ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเช่นกัน
แม้อัลปากาจะมีลำตัวที่ดูสูง แต่จริงๆ แล้วมันเป็นสัตว์ขนาดเล็ก มีความสูงเฉลี่ย 125 – 175 เซนติเมตร และหนักเฉลี่ย 60 – 80 กิโลกรัม เป็นสัตว์เคี้ยวเอื้องที่มี 3 กระเพาะ (สัตว์เคี้ยวเอื้องทั่วไปจะมี 4 กระเพาะ) มีเท้าที่อ่อนนุ่ม ทำให้การเดินจะไม่ไปทำลายทุ่งหญ้าในบริเวณที่พวกมันอาศัยอยู่ ไม่มีฟันหน้าด้านบน เนื่องจากเป็นสัตว์ที่มีฟันไม่สมบูรณ์ มีเสียงร้องหลายเสียง ซึ่งจะร้องในสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป เช่น มักร้องเสียงแหลมสูงเมื่อตกอยู่ในอันตราย เสียงจากในโพรงจมูกเพื่อแสดงความเป็นมิตร อีกทั้งยังเป็นสัตว์ที่มักฮัมเพลงสั้นๆ เพื่อแสดงให้อัลปากาตัวอื่นรู้ว่าตนเองมีความสุขอีกด้วย
อัลปากาเป็นสัตว์ที่ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง มีความทรหดอดทน สามารถเลี้ยงไว้ในบ้านหรือบริเวณหน้าบ้านได้เหมือนกับสุนัข แต่ถึงแม้ว่าจะดูเป็นสัตว์อารมณ์ดี และดูเป็นมิตรกับคนได้ง่าย แต่หากมันรู้สึกว่ากำลังมีภัยอันตรายหรือถูกคุกคาม อัลปากาจะป้องกันตัวด้วยการพ่นน้ำลายออกมาใส่ศัตรูหรือสิ่งมีชีวิตที่เข้ามาก่อกวนมัน นอกจากนี้ ไม่ว่าจะความเครียด ความกลัว หรือต้องการแสดงอำนาจ มันสามารถพ่นน้ำลายใส่อัลปากาตัวอื่นได้เช่นกัน แถมยังพ่นได้ไกลถึง 3 เมตรเลยทีเดียว
เนื่องจากอัลปากาเติบโตและใช้ชีวิตอยู่ในทุ่งหญ้าตั้งแต่อดีต อาหารของพวกมันจึงไม่พ้นการเคี้ยวหญ้าไปเรื่อยๆ อย่างช้าๆ ซึ่งพวกมันสามารถกินได้ทั้งหญ้าสดที่อยู่ตามทุ่งหญ้า และหญ้าแห้ง รวมถึงยังสามารถเสริมด้วยอาหารเม็ดทั่วไปได้ แต่ควรเลือกชนิดให้เหมาะสมและมีแร่ธาตุที่เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน ใครคิดจะเลี้ยงก็อย่าลืมหาหญ้าให้มันเคี้ยวเยอะๆ และมีที่ทางให้เดินสบายๆ มันจะได้อยู่กับเราอย่างมีความสุขไปนานๆ