ดีไหม…ถ้าซื้อบ้านใกล้สนามบิน

ทุกครั้งทุกคราวที่ข่าวสารข้อมูลเกี่ยวกับสนามบินแห่งใหม่ที่ทุกคนเฝ้ารอคอย ค่อยๆกระหึ่มขึ้นพร้อมกับการเติบโตของชุมชนเมืองใหม่ย่านใกล้สนามบินไม่ว่าในท้องถิ่นไหนๆ (ที่คนไม่ค่อยมีความรู้…เช่นประเทศไทยเป็นต้น)โครงการอสังหาริมทรัพย์ราคาแพงมากมายผุดขึ้นภายใต้ชื่อโครงการที่ลงท้ายด้วยชื่อสนามบิน นักลงทุนต่างกะเก็งกันว่าที่ดินรอบสนามบินจะเป็นทำเลทองที่มีศักยภาพทางธุรกิจสูงสุด และน่าจะเป็นย่านชุมชนคุณภาพเหมาะกับการพักอาศัย เพราะจะมีโครงการเมกะโปรเจคที่จะเนรมิตระบบการขนส่งมวลชนที่แสนสะดวกสบาย ทันสมัยที่สุดมารองรับ เป็นย่านที่มีโครงสร้างพื้นฐานต่างๆครบครัน มีห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการจับจ่ายใช้สอยเกิดขึ้นนับไม่ถ้วน เพราะจะเป็นย่านที่ผู้คนจากทั่วโลกต้องผ่านเข้ามาสู่ประเทศและภูมิภาค พร้อมกับนำเม็ดเงินทุกสกุลมาหว่านกันจนเก็บไม่ไหว

มีผู้มาปรึกษาดิฉันอยู่เนืองๆเกี่ยวกับการเลือกซื้อบ้านในย่านสนามบินใหม่ ว่าควรจะซื้อของโครงการไหนดีที่สุด น้อยคนที่จะมาปรึกษาว่าควรซื้อบ้านพักอาศัยอยู่ใกล้สนามบินหรือไม่ เพราะส่วนมากจะเป็นคนที่ตั้งใจซื้ออยู่แล้ว เลือกทำเลไว้แล้วเพราะเชื่อว่าเป็นทำเลทองแน่ๆ ซึ่งดิฉันเองก็ไม่คิดจะไปขัดใจหรือสลายฝันใครเล่น แต่บังเอิญมีอีเมล์โดนใจจากผู้อ่านถามมาว่า ซื้อบ้านใกล้สนามบินมีผลดีผลเสียอย่างไรบ้างก็เลยต้องตอบ เชื่อว่าถ้าตอบแล้วอาจไม่สบอารมณ์ใครหลายคน

โดยทั่วไปการเลือกทำเลสร้างสนามบินในเมืองใหญ่เกือบทุกประเทศ เขาจะเลือกสร้างตามย่านชานเมือง ให้ห่างไกลจากแหล่งชุมชน ห่างไกลจากย่านธุรกิจ เพราะสนามบินต้องการพื้นที่กว้างมาก ส่วนหนึ่งเพื่อใช้สำหรับสร้างอาคารต่างๆ ส่วนที่โล่งเป็นพื้นที่สำหรับลานจอด ลานวิ่งขึ้นลงของเครื่องบิน และพื้นที่โล่งซึ่งมีลักษณะเป็นวงแหวนโดยรอบสนามบิน บางแห่งก็ดัดแปลงเป็นสนามกอล์ฟบ้าง ทำเป็นสวนหย่อมบ้าง แต่ไม่มีการปลูกสร้างอาคารสูง พื้นที่ว่างโดยรอบนี้มีไว้เพื่อป้องกันผลกระทบต่างๆที่เกิดจากการขึ้นลงของเครื่องบิน ให้ถูกต้องตามหลักการออกแบบท่าอากาศยาน ถูกต้องตามกฎหมายควบคุมอาคาร และถูกกฎหมายสิ่งแวดล้อม

ประเด็นที่น่าจะนำมาพิจารณาที่สุดในการเลือกบ้านใกล้สนามบินคือปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะสนามบินใหญ่ๆที่มีปริมาณการสัญจรหนาแน่น จะมีทั้งมลพิษที่เกิดจากการสัญจรทางอากาศคือตัวเครื่องบินเอง มลพิษที่เกิดจากจากระบบขนส่งทางบกเกือบทุกประเภทที่เข้าออกบริเวณสนามบินจำนวนมหาศาลในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นรถโดยสาร รถส่วนตัว รถบรรทุก รถไฟ หรือแม้แต่รถไฟฟ้าที่ดูเหมือนจะเป็นจุดขายหลักของโครงการบ้านจัดสรรใกล้สนามบิน ก็ยังเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ย่านสนามบินหรือใกล้สนามบินเป็นเขตที่มีการจราจรหนาแน่นมาก จนเกือบจะฟันธงได้เลยว่าไม่เหมาะแก่การพักอาศัย ซึ่งถ้าคนซื้อบ้านที่บังเอิญโชคดีเพราะเจ้าของโครงการโฆษณาตอนขายว่าอยู่ใกล้สนามบินแต่ความจริงไม่ใกล้เลย ก็จงอย่าเสียใจเพราะถ้าคุณได้บ้านที่ปลูกใกล้สนามบินจริงๆ จะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี ไม่เชื่อลองไปถามชาวบ้านแถวดอนเมืองดูก็จะรู้ ให้ลองคิดดูว่าถ้าย่านใกล้สนามบินเหมาะกับการพักอาศัย ป่านนี้ย่านสนามบินดอนเมืองก็น่าจะกลายเป็นทำเลทองไปตั้งนานแล้ว

แต่เพราะชีวิตของคนเมืองต้องเผชิญกับปัญหามลพิษซ้ำซาก จนกลายเป็นความเคยชินในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะ มลพิษทางเสียง มลพิษทางอากาศ มลพิษทางน้ำ มลพิษทางสายตา หรือเหตุรำคาญอื่นๆ ที่เกิดหรือถูกปล่อยออกจากแหล่งกำเนิดมลพิษ จึงไม่ค่อยได้คำนึงถึงผลกระทบเหล่านี้มากนัก ห่วงแต่กลัวรถติด อยากอยู่ใกล้รถไฟฟ้า จะได้ไปทำงานสะดวก ใกล้แหล่งช้อปปิ้ง

แม้ว่าจะมีกฎหมายกำหนดเขตการปลูกสร้างอาคารในบริเวณโดยรอบสนามบิน ว่าจะต้องมีระยะห่างและความสูงไม่เกินที่กำหนดไว้ แต่จากการเก็บข้อมูลในย่านพักอาศัยใกล้สนามบินอื่นๆ ก็ยังพบว่าผู้อยู่อาศัยได้รับมลพิษทางเสียงจากการขึ้นลงของเครื่องบิน อีกทั้งยังมีความสั่นสะเทือนเกิดขึ้นกับบริเวณใกล้เคียง โดยเฉพาะเมื่อมีการนำเครื่องบินขนาดใหญ่ที่มีความเร็วสูงมาใช้ เสียงดังจากเครื่องบินจะมีความสัมพันธ์กับเครื่องยนต์ที่ใช้ ความเร็วของอากาศ เครื่องบินที่ออกแบบให้เป็นรูปร่างที่เคลื่อนที่ได้เร็ว ลักษณะใบพัด ปีกของเครื่องบินขณะเคลื่อนที่ ล้วนแล้วแต่มีผลก่อให้เกิดเสียงดังทั้งสิ้น

จากการสำรวจระดับเสียงจากเครื่องบิน พบว่าระดับเสียงของเครื่องบินพาณิชย์ขณะวิ่งขึ้นมีระดับความเข้มเสียงถึง 108-118 เดซิเบล และขณะวิ่งลงมีค่าเป็น 90-105 เดซิเบล แต่หูคนทนเสียงได้ไม่มากกว่า 80 เดซิเบล เสียงดังไม่ได้ทำให้ใครชักตายแต่ก็สร้างความรำคาญ ทำลายสมาธิ ทำลายสุขภาพกายใจทั้งทางตรงและทางอ้อม และถ้าหากเกิดชุมชนธุรกิจขึ้นในย่านสนามบินใหม่จริงๆ ท้ายที่สุดชาวบ้านย่านนั้นก็คงหนีไม่พ้นปัญหาสภาพการจราจรหนาแน่นอยู่ดี อาจไม่ต่างกับย่านสาธร สีลม สุขุมวิท

แต่ทั้งนี้ก็มิได้หมายความว่าโครงการสารพัดที่เกิดขึ้นใกล้สนามบินจะเลวร้ายไปเสียทั้งหมด เพราะปัจจัยเกี่ยวกับผลกระทบทางสังคมซึ่งยังคาดเดาไม่ได้ ก็มีผลมากต่อคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในย่านนั้น ซึ่งอาจจะดีหรือไม่ดี หรือบางทีในทางทฤษฎีอาจจะถึงขั้นเลวมากๆ แต่คนอยู่แล้วกลับชอบใจ ก็พูดยากเหมือนกัน เพราะการตัดสินใจเลือกสิ่งต่างๆของคนเรามาจากอารมณ์บวกเหตุผล ซึ่งนักการตลาดเขาเชื่อกันว่าอารมณ์มักจะเป็นพระเอก ส่วนเหตุผลเป็นพระรอง ไม่ใช่แค่เรื่องซื้อของ แต่ยังรวมไปถึงการลงคะแนนเสียงเลือกพรรคการเมืองด้วย

เอ…ตั้งใจจะคุยเรื่องบ้าน ไหงไปจบที่การเมืองเสียล่ะเนี่ย : )

……………..
เรียบเรียงโดย
อ. วรรณศิริ ศรีวราธนบูลย์
dp@dp-studio.com

tul

อาจารย์พรทิพย์ ทองขวัญใจ หรือที่ลูกศิษย์ลูกหาเรียกขานกันอย่างสนิทสนมว่า ครูตุล เป็นสาวเก่งผู้มากด้วยความพรสวรรค์ด้านศิลปะ เป็นผู้กว้างขวางในแวดวงศิลปะ เธอจึงให้เกียรติมาเป็นนักเขียนกิตติมศักดิ์ของ LivingDD.com เพื่อนำเราไปสัมผัสกับไลฟ์สไตล์เก๋ๆ ที่ชวนติดตาม

You may also like...