LUMBER KNOWLEDGE FOR SMART SELECTION
การเลือกใช้ไม้ในงานก่อสร้างและตกแต่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยจางหายไปจากความนิยมของผู้คนตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ไม่ว่าจะมีวัสดุทดแทนมากมายให้เลือก คนก็ยังรักที่จะใช้ไม้สร้างสิ่งต่างๆเสมอ คนที่ชอบบ้านไม้หรือชอบงานตกแต่งที่ทำด้วยไม้ ควรเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจชนิดของไม้ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ประเภทตามลักษณะความแข็งแรง ได้แก่
ไม้เนื้ออ่อน หมายถึง ไม้ที่มีความแข็งแรงต่ำกว่า 600 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร มีความทนทานต่ำกว่า 2 ปี มีเนื้อค่อนข้างเหนียวแต่ไม่แน่นแข็ง เช่น ไม้ยาง ไม้ฉำฉา ไม้กะบาก ฯลฯ เลื่อยหรือตกแต่งได้ง่าย เนื้อไม้มีสีซีดจาง น้ำหนักเบา ขาดความแข็งแรงทนทาน รับน้ำหนักได้ไม่ดี
ไม้เนื้อแข็ง หมายถึง ไม้ที่มีความแข็งแรง 600 ถึง 1,000 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร มีความทนทาน 6 ปี เช่น ไม้ตะเคียน ไม้ชิงชัน ไม้เต็ง ไม้มะม่วง ฯลฯ เป็นไม้ที่เลื่อย ไสกบ ตกแต่งได้ยาก ลักษณะเนื้อไม้มีสีค่อนข้างเข้มหรืออาจจะค่อนไปทางสีแดง มีความแข็งแรงทนทาน
ไม้เนื้อแข็งมากหรือไม้เนื้อแกร่ง หมายถึง ไม้ที่มีความแข็งแรงสูงกว่า 1,000 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร มีความทนทานสูงกว่า 6 ปี เช่น ไม้ประดู่ ไม้แดง ไม้เกลือ ฯลฯ ทำการเลื่อยตกแต่งได้ยากมาก ลักษณะเนื้อไม้เป็นมันในตัว เนื้อแน่น ลายละเอียด มีน้ำหนักมาก มีสีเข้มจัดจนถึงสีดำ เหมาะกับงานที่ต้องใช้ความแข็งแรงในการรับน้ำหนัก
การเลือกไม้ที่จะนำมาใช้งานตกแต่งหรือก่อสร้างต้องพิจารณาตามรูปแบบของงานที่ต้องการ ได้แก่
ไม้จริงสำหรับงานประณีต ไม้ที่เลือกมาใช้งานประเภทนี้ จะไม่ต้องรับน้ำหนักหรือต้านแรงมาก แต่งานประเภทนี้จะนำไม้ไปประกอบเป็นรูปร่างต่างๆ เช่น บาน ประตู หน้าต่าง เครื่องเรือน ตู้ โต๊ะ เก้าอี้ หรือครุภัณฑ์ต่างๆ ที่จะทำอย่างประณีตเรียบร้อยและต้องการความสวยงามมากกว่าความแข็งแรง เป็นงานที่ทำได้ยากและต้องใช้ฝีมือ โดยหลักการเลือกไม้มาใช้งานประณีต คือไม้นั้นจะต้องได้จากแก่นไม้ที่สมบูรณ์ของต้นไม้ที่เจริญเติบโตเต็มที่ เหมาะสมตามสภาพดินฟ้าอากาศของถิ่นนั้นๆ เป็นไม้ที่ตายยืนต้น เป็นไม้ที่หดตัวแล้ว คือเป็นไม้ที่ผึ่งแห้งอยู่ตัวดี เมื่อนำมาประกอบสำเร็จรูปจะไม่เกิดอ้าออกจากกันหรือบิดโค้งเสียความงาม มีเนื้อละเอียดเหนียวแน่น มีแนวตรง ไสกบตกแต่งได้ง่ายเรียบร้อย ขัดมันและชักเงาได้ดี มีสีสม่ำเสมอกันทุกแผ่น และทุกๆแผ่นมีสีเหมือนกัน มีลายสวยงามคล้ายๆกัน เพื่อเพลาะไม้เป็นแผ่นเดียวกันได้ มีตาน้อย ตาไม้ไม่เสีย ไม่มีรอยแตกร้าว เป็นแผล ไม่เป็นรอยทะลุ
ไม้สำหรับงานรับน้ำหนัก ก็คือไม้ที่ใช้ในการก่อสร้างที่ไม่ต้องการความประณีตมากนัก ไม้จำพวกนี้ต้องทำหน้าที่เกี่ยวกับการรับน้ำหนักและต้านทานแรงต่างๆ มากกว่าความสวยงาม ความแข็งแรงสำคัญที่สุด จึงต้องเป็นไม้ที่เนื้อแน่น แข็งแกร่ง เหนียว ไม่เปราะง่าย ควรเลือกไม้แก่นหรือไม้ที่มีอายุเหมาะแก่การตัด ไม่มีรอยชำรุดเสียหาย เช่น เป็นตา ผุ แตกร้าว ปิดงอ คด โค้ง และเป็นไม้ที่ผ่านการผึ่งมาได้ที่พอเหมาะแก่งานประเภทนี้
ไม้ที่เราเห็นวางขายในร้านขายไม้หรือร้านวัสดุก่อสร้างทั่วไปนั้น มีทั้งไม้เนื้ออ่อน ไม้เนื้อแข็ง และไม้เนื้อแกร่ง ซึ่งมีราคาแตกต่างกันไปด้วยหลายปัจจัย ทั้งในเรื่องความสวยงาม ความแข็งแรง และขนาด ยิ่งเป็นไม้ชิ้นหรือท่อนที่มีขนาดใหญ่มาจากต้นเดียวกันก็จะยิ่งมีราคาแพง เพราะนั่นหมายถึงว่าไม้ชิ้นนั้นถูกแปรรูปมาจากต้นไม้ขนาดใหญ่ที่มีอายุยืนยาวหลายปี การใช้ไม้แต่ละประเภท ซึ่งถือเป็น‘ไม้เศรษฐกิจ’ ที่นิยมกันในงานก่อสร้าง ก็จะแตกต่างกันไปตามลักษณะงาน ได้แก่
ไม้ฉำฉา เป็นที่คนนิยมใช้ทำลัง กล่องใส่วัสดุอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ปัจจุบันนิยมนำมาใช้ทำเครื่องเรือน หรือเพื่อใช้ตกแต่งบ้าง เนื้อจะมีความหยาบไม่แน่น มีสีค่อนข้างจาง(ขาว) มีลวดลายสวยงาม มีน้ำหนักเบา จัดอยู่ในประเภทไม้เนื้ออ่อน เลื่อย ผ่า ไสกบ ตกแต่งชักเงาได้ง่าย
ไม้สัก เป็นไม้ที่มีเนื้อปานกลางระหว่างแข็งกับอ่อน หากถามช่างโบราณก็จะบอกว่าเป็นไม้เนื้ออ่อน แต่ในทางวิชาการจัดเป็นไม้เนื้อแข็งตามมาตรฐานของกรมป่าไม้ จากการทดลองตามหลักวิชาการไม้สักมีความแข็งแรงสูงกว่า 1,000 กก./ตร.ซม. และมีความทนทานตามธรรมชาติ โดยความแข็งหรืออ่อนก็มาจากอายุของต้น ในงานก่อสร้างและตกแต่งถือว่าเป็นไม้ที่มีคุณภาพดี เป็นที่นิยมสูง แม้จะไม่จัดอยู่ในกลุ่มไม้ประเภทที่ใช้รับน้ำหนักมาก แต่ก็มีความแข็งแรง เนื้อไม้มีสีเหลืองนานเข้าจะกลายเป็นสีน้ำตาลแก่ มีกลิ่นหอม มีน้ำมันในตัว มีเสี้ยนตรง เนื้อหยาบไม่สม่ำเสมอกัน กรำแดดกรำฝนไม่ค่อยผุง่าย หดตัวน้อย ไม่มีอาการบิดหรือแตกร้าว มอดปลวกไม่ค่อยรบกวน จนหลายคนเข้าใจผิดว่า ไม้สักเป็นไม้ที่ปลวกไม่กิน เมื่อเลื่อยออกจะเห็นลายสวยชัดเจน เลื่อย ผ่า ไสกบ ตกแต่ง ชักเงาได้ง่าย แบ่งเป็น 3 ชนิด คือ สักทอง สักหิน สักขี้ควาย ไม้สักทองมีลวดลายสวยงามเป็นที่นิยมมากที่สุด มีราคาค่อนข้างแพง เหมาะที่จะใช้ในการสร้างสิ่งที่ต้องทำอย่างประณีต ต้องการความสวยงามและทนทาน แต่ต้องรับน้ำหนักได้ดีด้วย เช่น ทำประตู หน้าต่าง วัสดุ เครื่องเรือนต่างๆ
ไม้ยาง ไม้เนื้ออ่อนและหยาบ มีสีน้ำตาลปนแดง ใช้ในที่ร่มทนทานพอใช้ แห้งช้า ยืดหดง่าย เลื่อยผ่าง่าย บิดงอตามดินฟ้าอากาศ ถ้าไสตอนไม้สด ๆ อยู่จะไม้เรียบดีนัก เสี้ยนมักจะฉีกติดกันเป็นขุยออกมา ทำให้ขัดหรือทาน้ำมันไม่ค่อยดี ใช้ในการสร้างรับน้ำหนักมากไม่ได้ และกรำแดดกรำฝนมากไม่ได้ นอกจากจะทาสีน้ำมันป้องกันไว้ แต่คนก็นิยมใช้ทำบ้านเรือนแบบชั่วคราว เครื่องเรือนราคาถูก อาจใช้ทำฝา ฝ้า หรือส่วน ที่ไม่ต้องรับน้ำหนัก มีราคาถูก หาง่าย
ไม้แดง เป็นไม้เนื้อแข็งมีลำต้นขนาดใหญ่ เนื้อไม้มีสีแดงเรื่อๆหรือสีน้ำตาลแกมแดง เสี้ยนเป็นลูกคลื่น ละเอียดพอประมาณ แข็ง เหนียว มีความแข็งแรงทนทาน มีลายสวยงาม ทำการเลื่อย ไสกบ ตกแต่งตอกตะปูได้ยาก แต่เมื่อทำเสร็จแล้วมีความเรียบร้อยสวยงามชักเงาได้ดี ใช้ในการก่อสร้างอาคารบ้านเรือน เช่น ทำ เสา ขื่อ คาน ตง กระดานพื้น สะพาน เกวียน เรือ หมอนรถไฟ เครื่องเรือน เครื่องมือทางกสิกรรม ด้ามเครื่องมือต่างๆ
ไม้เต็ง เป็นไม้เนื้อแข็งและเหนียว มีอยู่ทั่วไป เมื่อเลื่อยไสแล้วระยะแรกจะเป็นสีน้ำตาลอ่อน ทิ้งไว้นานจะเป็นสีน้ำตาลแก่แกมแดง เสี้ยนหยาบสับสน ไสกบตกแต่งได้ยาก แต่เหมาะกับการรับน้ำหนัก มีความแข็งแรงทนทานดีมาก ทนต่อการใช้กรำแดดกรำฝน เนื้อไม้มักจะมีรอยร้าวเป็นรอยเส้นผม หัวไม้จะแตกง่าย มักจะไม่ค่อยนิยมใช้ในการสร้างสิ่งประณีต เหมาะใช้กับงานตรากตรำที่ต้องการความแข็งแรงทนทาน เช่น ทำเก้าอี้นวม เก้าอี้ชิงช้า สะพาน หมอนรางรถไฟ การสร้างส่วนของบ้านเรือนที่ต้องรับน้ำหนักมากๆ เช่น ตง คาน กระดานพื้น ไม้โครงหลังคา และด้ามเครื่องมือกสิกรรม
ไม้รัง เป็นไม้เนื้อหยาบแข็งแรงทนทานมาก จัดเป็นไม้ขนาดกลางถึงใหญ่ เนื้อไม้มีสีน้ำตาลเหลือง เสี้ยนสับสน เลื่อย ไสกบ ตกแต่งค่อนข้างยาก แข็งแรงและทนทานมาก จึงนิยมใช้การก่อสร้างที่ต้องการความแข็งแรงทนทาน เช่น ทำเสา หมอนรางรถไฟ สร้างบ้านเรือน ทำรถ เรือ เครื่องมือกสิกรรม ลักษณะเดียวกับไม้เต็ง
ไม้มะค่าโมง เป็นไม้เนื้อแกร่ง ลำต้นใหญ่แต่ไม่สูงนัก ขึ้นตามป่าดงดิบ และป่าเบญจพรรณ เว้นทางภาคใต้ เนื้อไม้เป็นสีน้ำตาลเหลือง เสี้ยนค่อนข้างสน เนื้อหยาบมีริ้วแทรก แข็ง เลื่อยไสกบค่อนข้างยาก แต่ถ้าแห้งดีแล้วจะตกแต่งง่าย ขัดและชักเงาได้ดี ใช้ทำเสา ไม้หมอนรางรถไฟ และใช้ในงานก่อสร้างต่างๆ นอกจากแกร่งแล้วยังเป็นไม้ชนิดให้ปุ่มมีลายงดงาม ราคาจึงแพง นอกจากใช้เป็นส่วนรับน้ำหนักแล้วยังนิยมใช้ทำพวกเครื่องเรือน เครื่องใช้ เช่น ตู้ โต๊ะ เก้าอี้รับแขก ด้วย
ไม้ประดู่ชิงชัน เป็นไม้ประเภทเนื้อแข็ง ลำต้นขนาดปานกลางถึงขนาดใหญ่ ขึ้นอยู่ในป่าเบญจพรรณทั่วไป เนื้อไม้มีสีม่วงแก่ สีเส้นแทรกสีดำอ่อนหรือสีแก่กว่าพื้น เสี้ยนสับสนเป็นริ้วแคบๆ เนื้อละเอียดปานกลาง เหนียวมาก แข็งแรงทนทาน แม้ว่าจะไสกบ ตกแต่ง ตอกตะปูได้ยาก แต่เมื่อทำเสร็จแล้วจะมีความเรียบร้อยสวยงามเป็นมันดี เมื่อชักเงาแล้วจะมีลายมีสีสันสวยงามมาก นิยมใช้ทำเครื่องเรือน เช่น ตู้ โต๊ะ เก้าอี้รับแขก เก้าอี้โยก ด้ามเครื่องมือ รางกบ เกวียน และทำหวี
นอกจากการใช้ไม้จริงที่สวยงามสำหรับงานประณีต และไม้ที่แข็งแรงสำหรับงานรับน้ำหนัก ยังมีไม้สำหรับงานก่อสร้างในส่วนที่ไม่ต้องรับน้ำหนักมากและราคาไม่แพงเท่าไม่จริง ซึ่งคนนิยมใช้กันมาก ก็คือ ไม้อัด มีข้อดีคือน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายได้สะดวก และมีการออกแบบสีสันลวดลายให้เลือกได้หลากหลายตามความชอบ
ไม้อัด เป็นไม้ที่ผลิตขึ้นโดยกรรมวิธีทางอุตสาหกรรม ด้วยการนำไม้ เช่น ไม้สัก ไม้ยางที่ไม่มีตำหนิมากนักไปต้มด้วยไอน้ำให้สารเคมีในเนื้อไม้ออกเสียก่อน และทำให้ไม้อ่อนตัวลงแล้วนำเข้าเครื่องปอกให้ออกมาเป็นแผ่นบาง และนำไปอัดด้วยกาวโดยวางเสี้ยนไม้ขวางสลับกันเป็นชั้นๆ อาจเป็น 3,5,7 ชั้นตามความหนาของไม้อัดโดยทั่วไปมีความหนาตั้งแต่ 4-20 มม. มีขนาด 3, 4, 6 และ 8 ฟุต ราคาของไม้อัดจะขึ้นอยู่กับชนิดของไม้ที่นำมาทำเป็นไม้อัดแต่ละประเภท ซึ่งจะมีผลกับความสวยงาม ลวดลาย แม้ว่าความทนทานอาจไม่ต่างกันมาก หากผ่านกระบวนการผลิตที่ควบคุมให้มีคุณภาพมาตรฐานเดียวกัน โดยในการเลือกซื้อไม้อัดก็ต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับความต้องการใช้งานเป็นสำคัญ โดยพิจารณาคุณภาพจากรายละเอียดเช่น สีของไม้อัดต้องสม่ำเสมอตลอดทั้งแผ่น มีความเรียบแต่ไม่ลื่นทาสีได้ทุกชนิด
เมื่อเราเข้าใจถึงความแตกต่างของไม้ชนิดต่างๆแล้ว ก็จะช่วยให้เราตัดสินใจเลือกใช้ไม้ได้อย่างเหมาะสม ได้ผลลัพธ์ออกมาตรงใจ และถ้าใครสนใจอยากปลูกสวนป่าก็พิจารณาจากรายชื่อไม้เศรษฐกิจที่ต้องใช้ในงานก่อสร้างเหล่านี้ได้ ตลาดยังมีความต้องการอยู่เสมอ เพราะสัมผัสของไม้คือสัมผัสของธรรมชาติอันสวยงามที่ใครๆต่างก็ปรารถนา
When it comes to buying lumber for home construction and decoration, there are a lot of choices to make. Choosing lumber means understanding grain patterns, grades, types of wood and more. Choosing between hard wood or soft wood depends entirely on what you are building. Some projects may require a mix of both hardwoods and softwoods for different parts of the lumber works. Unless you’re set on having a wildly figurative grain pattern on your decoration, you’re probably going to want to choose the most stable wood possible; especially if you are building fine furniture or woodworking hand tools that need great stability. The common criteria for choosing wood in construction and decoration works include; strength, durability, aesthetics and price.
อ้างอิง: https://sites.google.com/site/jghlwkefnrh/home