เคยไหมที่ตื่นเช้าขึ้นมาแล้วรู้สึกว่าเบื่อหน่ายกับสิ่งรอบตัว เบื่องาน เบื่อสิ่งแวดล้อม เบื่อสังคม หรือบางทีถึงขั้นเบื่ออาหาร บ่อยครั้งที่ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะชีวิตที่เป็นอยู่ไม่ดีพอ หรือมีความทุกข์ใดๆ แต่ความรู้สึกเบื่อหน่ายต่อวิถีที่คุ้นชินเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของมนุษย์ ที่ต้องการแสวงหาประสบการณ์ใหม่ๆไม่สิ้นสุด
ความเบื่อหรือความรู้สึกไม่พอใจต่อสิ่งเดิมๆ ไม่ได้เป็นเพียงความรู้สึกในเชิงลบที่ให้แค่ผลในทางลบ แต่อาจให้ผลบวก นั่นคือกระตุ้นให้มนุษย์เราเกิดความอยากเปลี่ยนแปลง สร้างสรรค์ ทำสิ่งใหม่ๆที่ดีและแตกต่าง พัฒนาไม่หยุดนิ่ง ก่อให้เกิดนวัตกรรมต่างๆมากมาย เพราะความเปลี่ยนแปลงที่ดีคือสีสันของชีวิตที่คนส่วนมากปรารถนา
ไม่ใช่ความผิดอะไรที่ใครๆจะใฝ่ฝันถึงชีวิตที่สนุกสนานเปี่ยมด้วยสีสัน แต่ก่อนอื่น เราก็ต้องมาดูกันก่อนว่า สีสันของชีวิตหมายถึงอะไรคนแต่ละคนมีนิยามของสีสันของชีวิตไม่เหมือนกัน แต่โดยหลักการทั่วไปแล้ว สีสันของชีวิตคือสิ่งที่อยู่นอกเหนือชีวิตอันซ้ำซากจำเจในวันปกติ เป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกมีชีวิตชีวา สดใส รู้สึกพิเศษและมีความสุข
หัวใจสำคัญที่อยู่เหนือความธรรมดาก็คือคำว่า ‘สิ่งพิเศษ’ คนที่ปกตินั่งอยู่บ้าน ก็อาจมองว่าการไปเที่ยวคลับเป็นสิ่งพิเศษ ในขณะที่คนที่ทำงานในสถานบันเทิงก็คงจะไม่รู้สึกพิเศษกับการเที่ยวคลับ
สีสันดังกล่าวนี้ไม่จำเป็นจะต้องเป็นความสุขราคาแพง เพียงแต่ต้องเป็นสิ่งที่เต็มความคิดสร้างสรรค์กระตุ้นแรงบันดาลใจ เช่นคนบางจำพวก อยู่บ้านหลังใหญ่ มีคนรับใช้ แต่ยอมจ่ายเงินนับแสนนับล้านเพื่อไปลำบากปีนยอดเขาเอเวอเรสต์นอนกลางดินกินกลางทราย แบกกระเป๋าหนัก เหนื่อยก็เหนื่อย หนาวก็หนาวถึงขั้นต้องเสี่ยงตาย (บางคนไปตายบนยอดเขาก็มี) หรือคนบางคนปกติก็ไปไหนมาไหนสบายๆ พอมีเวลาว่างก็ไปเที่ยวขี่จักรยานทางไกลๆให้มันลำบาก ให้มันเหงื่อออก เหล่านี้แหละคือการเพิ่มสีสันของชีวิต
ทำไมคนเราถึงต้องการสีสันในชีวิต? คำถามนี้เป็นเรื่องของจิตวิทยาอ้างถึงทฤษฏีลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ ที่กล่าวว่า ธรรมชาติมนุษย์เรามีความต้องการอยู่ 5 ประเภท เรียงจากพื้นฐานที่สุด ไปซับซ้อนที่สุด อย่างแรกคือทางร่างกาย เช่นความต้องการอากาศ น้ำ อาหาร กิจกรรมทางเพศ และที่อยู่อาศัย อย่างที่สองคือความต้องการความปลอดภัย เช่นทางด้านสุขภาพหรือทางด้านการเงิน (ซึ่งก็เป็นสาเหตุที่คนเราซื้อประกัน) อย่างที่สามคือความรักและความเป็นเจ้าของ เช่นความต้องการที่จะมีคนรัก หรือเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มสังคมใดสังคมหนึ่ง อย่างที่สี่คือความเคารพนับถือ ความต้องการนี้คือสาเหตุที่เราพยายามเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ทำงานหนักๆ ทำสิ่งที่มีประโยชน์ เพื่อที่จะรู้สึกถึงความสำเร็จ ได้รับความเคารพทั้งจากตนเองและผู้อื่น และอย่างสุดท้ายเกี่ยวข้องกับหัวข้อหลักของเรามากที่สุดก็คือ ความสมบูรณ์ของชีวิต เป็นความต้องการที่กว้างที่สุดในบรรดาที่กล่าวมานี้ และเอาแน่เอานอนไม่ได้ เพราะอย่างที่กล่าวไปข้างต้น คนแต่ละคนนั้นมีส่วนที่ขาดหายไปไม่เหมือนกัน ดังนั้นสิ่งที่มาเติมเต็มให้สมบูรณ์จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเหมือนกัน ให้พูดแบบชาวบ้านๆก็คือ คนเราอยู่กับอะไรนานไป ต่อให้สิ่งนั้นดีแค่ไหนในสายตาคนอื่น มันก็จะเบื่อ
ปัญหาของการหาสีสันในชีวิตคือ หากเราไม่ใช้สติให้ดี เราก็อาจจะพลาดสิ่งดีๆที่เรามีอยู่แล้ว (ซึ่งหายากกว่าเยอะ) เพื่อแลกกับสีสันชั่วครู่ชั่วยาม โดยที่เราไม่รู้หรือทำเป็นไม่รู้ว่าราคาที่เราต้องจ่ายแลกกับความตื่นเต้นเล็กๆน้อยๆนั้นมันคืออะไร บางครั้งถ้าเราขาดสติยั้งคิด เราอาจต้องจ่ายค่าความสุขหรือความตื่นเต้นนั้นด้วยชีวิต ร่างกาย อนาคตทางการงาน ชื่อเสียง ความสุขของครอบครัวหรือแม้แต่สูญเสียอิสรภาพ ต้องติดคุกติดตะราง ฯลฯ
คนที่ฉลาดใช้ชีวิตควรเลือกกิจกรรมที่มาการสร้างความแปลกใหม่ให้กับตนเองหรือครอบครัวอย่างสร้างสรรค์ มีเหตุมีผล เช่นกิจกรรมด้านสุขภาพ กิจกรรมด้านศิลปะ กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ หรือกิจกรรมเชิงสังคม ให้การหาความแปลกใหม่ในชีวิตนั้นเป็นการพัฒนาตนเองไปด้วย ไม่ใช่แค่ความสนุกสนานเพียงอย่างเดียว หนึ่งในวิธีที่จะป้องกันไม่ให้การหาสีสันดังกล่าวนำความเดือดร้อนมาให้ก็คือการคบหาสมาคมกับคนดีๆ พยายามนำพาตัวเองไปอยู่ในสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดี และการเลือกกิจกรรมอย่างระมัดระวัง เช่นหากเพื่อนชวนให้เสพยา ถามว่าเป็นสิ่งแปลกใหม่ไหม ก็เป็น แต่ราคาที่ต้องจ่ายคือสุขภาพ และอาจจะติดคุกติดตะราง หรืออย่างเราแต่งงานอยู่แล้ว และไปหาสีสันในชีวิตด้วยการนอกใจคู่ครอง ปรากฏว่าติดโรค ครอบครัวแตกแยก ฯลฯ สีสันเหล่านี้ก็ควรหลีกให้ห่าง เพราะเป็นสีที่ไม่ได้ทำให้ชีวิตสวยงาม แต่ก่อให้เกิดความแปดเปื้อนสกปรกน่ารังเกียจ
สรุปง่ายๆ ก็คือ การสร้างสีสันในชีวิตเป็นธรรมชาติพื้นฐานของมนุษย์ จึงเป็นธรรมดาที่คนเราจะมุ่งเสาะแสวงหาความแปลกใหม่ แต่ก็จะดีกว่ามากหากสีสันเหล่านั้นไม่ได้ต้องแลกด้วยการบาดเจ็บ สูญเสีย ความทุกข์ เศร้า หรือเสียชื่อเสียง ทุกสีสันที่เราแต่งแต้มชีวิตจะติดตัวเราไปแสนนาน เราจึงควรเลือกสิ่งที่จะนำพาสีสันเหล่านั้นเข้ามาอย่างระมัดระวัง เพื่อชีวิตที่ดีงามและมีความสุขนั่นเอง
Life is beautiful! And even more so if you are living a life filled with happiness, peace and contribution. However, many people, have lived a life full of possessions, with a soul full of hatred, a job that sucks the very life out of them, and an emptiness inside.
Even with its struggles and difficulties life can be beautiful, depending what you focus on. A beautiful life is one that makes you feel fully alive, is full of inspiration and creates a deeper, more connected environment for us to live in.
Smart and easy tips to do for a colorful life are; being grateful for the blessings and gifts you already have, knowing and understanding yourself, working out what a beautiful life means to you, looking at things from a new perspective and being more flexible in your thinking.
Text: พิมาดา วีร์