กระแสที่หนุ่มสาวหันมาดื่มน้ำมะเขือเทศเพื่อดูแลผิวพรรณมีมากขึ้น LivingDD เลยมีเรื่องเล่าเล็กๆ เกี่ยวกับเจ้าผลเล็กสีแดงที่ประโยชน์ล้นเหลือนี้มาบอกกัน
เชื่อหรือไม่ว่า แรกเริ่มเดิมทีนั้น มะเขือเทศ ถูกปลูกให้เป็นไม้ประดับในสวน เนื่องจากมีผลสีแดง สวยงาม แต่ก็ไม่มีใครกล้าลองกิน เพราะคิดว่าเป็นผลไม้ที่มีพิษ แต่หลังจากชาวสเปนและโปรตุเกสได้นำมะเขือเทศจากเปรูไปปลูกในยุโรป มะเขือเทศ ก็เปลี่ยนบทบาทกลายเป็น “แอปเปิ้ลแห่งความรัก” เมื่อพระสวามีของพระนางอลิซาเบธนำมะเขือเทศกลับมาจากอเมริกาใต้ เพื่อเป็นของขวัญที่แสดงความรักต่อพระนาง จึงกลายเป็นวัฒนธรรมตกทอดมายังคนรุ่นหลังว่ามะเขือเทศเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงความรักให้แก่กัน
หลังจากมนุษย์รู้จักมะเขือเทศได้ 200 ปี และมองเพียงว่ามะเขือเทศเป็นเพียงไม้ประดับในสวนเท่านั้น แต่ในที่สุดก็มีอัศวินใจกล้าที่หลงใหลในรูปร่างและสีสันอันงดงามของมะเขือเทศที่ผู้คนต่างกล่าวขานกันว่ามีพิษลองลิ้มรสชาติมะเขือเทศดู ในที่สุดไม้ประดับก็ถูกหยิบยกมาเป็นวัตถุดิบชั้นเลิศในครัวตั้งแต่นั้น
ไม่เพียงเท่านั้น ในเมืองบูโยล ประเทศสเปน ยังมีการจัดเทศกาลประจำปีที่ชื่อว่า “เทศกาล ลา โทมาทิน่า” (La Tomatina) เพื่อให้ผู้คนมาร่วมเล่นปามะเขือเทศใส่กัน ทุกวันพุธสุดท้ายของเดือนสิงหาคมด้วย
ในทางวิทยาศาสตร์ มะเชือเทศมีสารอาหารที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกายมาก ทั้งโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุอย่าง แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก คาโรทีน กรดนิโคตินิค วิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 และวิตามินซี ซึ่งประมาณของกรดโคตินิคในมะเขือเทศทำให้มะเขือเทศมีปริมาณวิตามินซีมากกว่าผลไม้ชนิดอื่นๆ แม้ว่ามะเขือเทศจะถูกปรุงจนสุกแล้วก็ตาม
แม้สาวๆ หลงใหลประโยชน์ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณสดใส ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานหรือการนำมาเป็นส่วนผสมชั้นดีในการพอกหน้า แต่ถ้าพูดถึงคุณประโยชน์ในแง่ของการเป็นอาหารแล้ว มะเขือเทศจะช่วยรักษาผิวเยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้ให้ทำงานเป็นปกติ ทั้งยังช่วยรักษาเหงือกและฟัน ช่วยในการเติบโตของกระดูก และป้องกันโรคหลอดเลือดต่างๆ ได้ด้วย
สำหรับคนที่มีปัญหาปริมาณแร่ธาตุและวิตามินไม่เพียงพอ LivingDD แนะนำให้คุณรับประทานมะเขือเทศวันละ 2-3 ลูก ก็สามารถช่วยให้ร่างกายได้รับปริมาณแร่ธาตุเพียงพอในแต่ละวันเช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.doctor.or.th
ขอบคุณภาพประกอบจาก : www.flickr.com